สรุปงาน WWDC 2021 เปิดตัว iOS 15, iPadOS 15, watchOS 8, macOS Monterey !

wave

สรุปงาน WWDC 2021 เปิดตัว iOS 15, iPadOS 15, watchOS 8, macOS Monterey !

Programmer Thailand 8 มิ.ย. 2021 23:21:54 1,299

จบไปแล้วกับงาน WWDC เมื่อคืนนี้ที่หลายคนรอคอย ซึ่งแน่นอนว่าภายในงานนี้ทาง Apple ก็ได้ออกมาเผยเกี่ยวกับการอัปเดตของระบบปฏิบัติการครั้งใหญ่ของบริษัทเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น iOS 15, macOS Monterey, watchOS 8 และฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนระบบอีกมากมาย

 

iOS 15

ในงาน WWDC นี้ ทางบริษัทได้เปิดงานด้วย iOS เหมือนเช่นเคย โดยภายใน iOS 15 นี้ระบุว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Focus ให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแยกระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันได้ ทำให้สามารถช่วยจัดสรรการจัดการงานในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนในแอปพลิเคชัน Message ก็ได้เพิ่มการเรียงรูปภาพแบบใหม่และการปักหมุดข้อความเข้ามา

สำหรับการใช้งาน Facetime ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Spatial Audio ที่ผู้ใช้จะรู้สึกได้ว่าเสียงพูดของผู้ใช้คนอื่น ๆ มาจากทิศทางที่ต่างกันคล่ายการนั่งล้อมวงพูดคุยกันในห้อง ทั้งยังเพิ่มให้มันสามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกออกไปได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือหากต้องการแยกหน้าจอขณะพูดคุยแบบ Grid View, เพิ่ม Portrait Mode ช่วยเบลอพื้นหลัง, แชร์ลิงก์ FaceTime ใช้งานร่วมกับผู้ใช้ Android และแชร์หน้าจอขณะพูดคุยด้วย SharePlay ก็สามารถทำได้เช่นกัน

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็ได้แก่ Live Text ที่นำเอา AI มาช่วยให้ในการประมวลผลข้อความบนรูปภาพ ทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความจากรูปภาพไปวางในโน๊ต, กดแปลภาษา หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ หรือหากต้องการค้นหาข้อความภายในรูปภาพก็ทำได้อย่างง่ายดาย

สำหรับ Apple Maps ก็เพิ่มข้อมูลรายละเอียดภายในแผนที่เข้ามามากขึ้น, รองรับการใช้งาน Night Mode และสลับไปใช้งาน Maps บน Apple Watch ได้ง่าย ๆ ส่วน AirPods เองก็เพิ่มฟีเจอร์ Conversation Boost เข้ามาเพื่อให้การพูดคุยขณะสวมหูฟังเป็นไปได้ง่ายดายขึ้น, รองรับ Find My ในการค้นหาหูฟังได้คล้ายการใช้งาน Airtag (เฉพาะ AirPods Max และ AirPods Pro)

 

iPadOS 15

ในด้านของ iPad ก็เพิ่ม App Library เข้ามา, รองรับการปรับขนาด Widget บนหน้า Homescreen (มี Widget แนวนอนให้เลือกใช้งานด้วย) รวมทั้งฟีเจอร์เพื่อรองรับการทำงานแบบ Multitask มากยิ่งขึ้นโดยเปิดแอปพลิเคชันสลับกันสูงสุดได้สะดวกมากขึ้น หรือจะย่อแอปพลิเคชันที่ยังไม่ต้องการใช้งานเก็บไว้บน Shelf เพื่อรอเรียกใช้งานก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ส่วนการใช้งาน Note ก็สามารถเมนชันหาผู้ใช้คนอื่นได้ และมี Quick Note เรียกใช้ได้ง่าย ๆ ผ่าน Apple Pencil และ Safari และรองรับการแปลภาษาจากเสียงพูดและรูปภาพด้วย

 

Privacy

ในส่วนของการอัปเดตความปลอดภัยในการใช้งานก็จะซ่อนเลข IP Address ของผู้ใช้ขณะใช้งาน Safari และมี Mail Privacy Protection ที่จะช่วยซ่อนเลข IP Address และตำแหน่งของผู้ใช้ได้ รวมทั้งเพิ่มสรุปข้อมูลการใช้งานและเข้าถึงตำแหน่ง, ไมโครโฟน และกล้องรายสัปดาห์เพื่อให้ผู้ใช้ได้เปิด - ปิดการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น

สำหรับใครที่ประสบปัญหาการลืมรหัสผ่านอยู่บ่อย ๆ ก็มี Recovery Contact ที่ผู้ใช้จะสามารถติดต่อขอรหัส Recovery ได้ ทั้งยังได้เพิ่ม iCloud+ ที่จะรองรับการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นพร้อมความสามารถในการซ่อนอีเมลด้วย

 

Health

ทางด้านแอปพลิเคชันสุขภาพก็สามารถตรวจจับจังหวะการเดินและการทรงตัวของผู้ใช้ และ Health Sharing เพื่อเชื่อมต่อโปรไฟล์ Health ของเราเข้ากับคนในครอบครัวและเปิดการแจ้งเตือนร่วมกันเพื่อเช็คสุขภาพของคนในครอบครัวได้ง่าย ๆ โดยทาง Apple ยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกเข้ารหัสและส่งต่อกันระหว่างผู้ใช้เท่านั้น

 

watchOS 8

สำหรับ watchOS 8 ก็เพิ่มแอปพลิเคชัน Mindfulness เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้ได้พักหายใจระหว่างวัน, เพิ่ม Respiratory Rate ตรวจจับลักษณะการหายใจขณะหลับเพื่อวัดระดับการนอน ส่วนในแอป Photos ก็สามารถพิมพ์หรือเขียนข้อความลงบนหน้าจอ Apple Watch และแชร์ให้กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้เลย หรือหากต้องการส่ง GIF หากันก็สามารถทำได้แล้วบน watchOS 8

 

macOS Monterey

ปิดท้ายงานด้วย macOS Monterey ที่ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ คล้ายบน iOS15 เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้ อีกทั้งยังได้เพิ่ม  Universal Control ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ดร่วมกันระหว่าง Mac และ iPad ที่สามารถแชร์ไฟล์ระหว่างกันได้ง่าย ๆ (คล้ายต่อจอแยกแบบ Wireless), เพิ่มการใช้งาน  AirPlay และ Shortcuts บน Mac

ส่วนการใช้งาน Safari บน Mac นอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานให้มากขึ้นแล้วก็ยังทำการปรับดีไซน์ใหม่และเพิ่มฟีเจอร์ Tab Group ขึ้นมา โดยมันจะเชื่อมต่อเข้ากับทุกอุปกรณ์ของผู้ใช้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน และได้ประกาศเพิ่ม Web Extension เข้ามาอีกด้วย

 

Developer

สำหรับ Developer ก็ได้เพิ่ม APIs ใหม่เข้ามาเพื่อช่วยในการเขียนโค้ดต่าง ๆ บน Swift เป็นไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น และเพิ่ม XCode Cloud เข้ามาให้ Developer ประหยัดเวลาในการหา Bugs เพราะสามารถอัปโหลดให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ร่วมแก้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยัง Test Code บนอุปกรณ์ของ Apple เพื่อหาข้อผิดพลาดในการรันแอปบนอุปกรณ์ต่าง ๆ และแก้ไขได้ทันท่วงที

โดย Tim Cook ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่าการอัปเดตระบบปฏิบัติการทั้งหมดของทาง Apple นี้จะเปิดให้ได้ทดลองใช้งานกับแบบ Developer Beta ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะเปิดให้ดาวน์โหลดเวอร์ชัน Public Beta มาทดลองใช้งานกันได้ในเดือนกรกฎาคม ก่อนจะปล่อยเวอร์ชันเต็มในช่วงปลายปีนี้

 


ที่มา : thevergemashablegizmodotheverge, thaiware

 

ความคิดเห็น